
การจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้าผู้ชนะประมูลเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ยุ่งยากสำหรับผู้ขายมือใหม่ บางทีอาจจะมีคำถามว่าเลือกบริการแบบไหน และเลือกใครเป็นผู้ให้บริการดี ง่ายสุดเห็นจะหนีไม่พ้นบริการของไปรษณีย์ไทย ซึ่งถือว่าถูกที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการอื่นๆและเป็นที่นิยมใช้กัน แต่ถ้าใครกระเป๋าหนักพอที่จะจ่ายค่าส่งแพงและเร็วกับ FedEx, DHL หรือ UPS ก็เลือกได้
พูดเรื่องไปรษณีย์ไทย จริงแล้วมีบริการเยอะไปหมด ทั้ง EMS ยังแบ่งเป็นชนิดเอกสารกับไม่ใช่เอกสารอีก สำหรับพัสดุไปรษณีย์ จดหมาย ของตีพิมพ์ ของตีพิมพ์ (หนังสือ) ก็ยังแบ่งย่อยวิธีการส่งให้เลือกได้อีกว่าจะส่งทางอากาศ ทาง SAL (Surface Air Lifted - ทั้งอากาศ เรือ ภาคพื้นปนกัน) หรือเลือกส่งทางภาคพื้นแต่อย่างเดียว ที่นิยมมากสุดน่าจะเป็น “พัสดุย่อยทางอากาศ” บวกการ “ลงทะเบียน” อีก 55 บาทต่อรายการ จัดได้ว่าถูกที่สุดและเหมาะกับการส่งสินค้าไปต่างประเทศแบบประหยัดและไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไปนัก ราว 10-14 วันลูกค้าก็จะได้รับของ โดยมีข้อจำกัดคือ สินค้าที่ส่ง ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม และห่อพัสดุนั้นต้องไม่มีการปิดผนึก กาว หรือเทปแปะไว้ (ก้นกล่องสามารถติดเทปกาวได้) ทำได้คือมัดแค่เชือกอย่างเดียว ส่วนใครเลือกส่งแบบซองจดหมายก็ต้องใช้วิธีการเย็บแม็กแทนการปิดผนึก ใครอยากประหยัดค่าส่งแต่มีข้อจำกัดแบบนี้ เดินไปบอกที่เคาน์เตอร์ได้เลยว่าเลือกส่งแบบ “พัสดุย่อยทางอากาศลงทะเบียน” ท่องไว้แค่นี้ ก็จะประหยัดเงินค่าส่งได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น